ความสำคัญของรหัสกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการต้องรู้

รหัสวิธีกำจัดกากอุตสาหกรรมคือตัวช่วยให้การกำจัดขยะง่ายขึ้น

การจัดการของเสียในโรงงานอุตสาหกรรมไม่ใช่แค่เรื่องของการ “กำจัดให้พ้น” เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของชุมชน และการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเมื่อของเสียนั้นจัดอยู่ในกลุ่ม “กากอุตสาหกรรม” หรือ “ของเสียอันตราย” การกำหนด “รหัสวิธีกำจัด” (Disposal Code) จึงเป็นหัวใจสำคัญในการกำกับดูแลกระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

รหัสวิธีกำจัดกากอุตสาหกรรมคืออะไร ?

รหัสวิธีกำจัดกากอุตสาหกรรม หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Disposal Code หรือ Method Code คือ ชุดรหัสตัวเลขมาตรฐาน 3 หลัก (ตั้งแต่ 010 – 110) ที่ถูกกำหนดขึ้นตามประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2548 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อใช้ระบุถึงวิธีการบำบัดหรือกำจัดกากอุตสาหกรรมแต่ละประเภทโดยเฉพาะ

อธิบายแบบง่าย ๆ ให้เห็นภาพ รหัสกำจัดเปรียบเสมือน “ใบสั่งยา” สำหรับของเสีย เนื่องจากของเสียแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและอันตรายแตกต่างกัน จึงต้องการ “วิธีการรักษา” ที่จำเพาะเจาะจง รหัสวิธีกำจัดกากอุตสาหกรรมคือสิ่งที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นภาษากลางที่ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ ผู้ก่อกำเนิดของเสีย (โรงงาน), ผู้รับขนส่ง, ผู้รับบำบัด/กำจัด (เช่น Siam Environmental Technologies) และ หน่วยงานภาครัฐผู้กำกับดูแล (กรมโรงงานอุตสาหกรรม) สามารถสื่อสารและเข้าใจตรงกันได้อย่างแม่นยำและโปร่งใส

รหัสเหล่านี้ไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นมาลอย ๆ แต่ผ่านการพิจารณาทางวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เพื่อให้มั่นใจว่าวิธีการที่เลือกนั้นสามารถจัดการกับของเสียชนิดนั้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปลอดภัย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด

ทำไมถึงต้องมีรหัสวิธีกำจัดกากอุตสาหกรรม ?

ความสำคัญของรหัสกำจัดกากอุตสาหกรรมไม่ได้เป็นเพียงข้อบังคับทางเอกสาร แต่คือเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจและสิ่งแวดล้อมโดยรวม ด้วยเหตุผลหลักดังต่อไปนี้ 

  • ระบุวิธีการกำจัดที่ชัดเจนและเหมาะสม : รหัสแต่ละตัวจะผูกกับวิธีการจัดการที่เฉพาะเจาะจง เช่น การเผาในเตาเผาอุณหภูมิสูง, การฝังกลบอย่างปลอดภัย, การรีไซเคิล หรือการบำบัดทางเคมีฟิสิกส์ การระบุรหัสที่ชัดเจนช่วยป้องกันการนำของเสียอันตรายไปจัดการด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม เช่น การนำกากตะกอนปนเปื้อนโลหะหนักไปฝังกลบในบ่อฝังกลบธรรมดา ซึ่งอาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนสู่ดินและแหล่งน้ำใต้ดินได้
  • สอดคล้องตามข้อกฎหมาย : กฎหมายกำหนดให้ผู้ก่อกำเนิดของเสีย (โรงงาน) มีหน้าที่รับผิดชอบในการจำแนกประเภทของเสียและเลือกรหัสกำจัดให้ถูกต้อง การดำเนินการที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายอาจนำมาซึ่งบทลงโทษที่รุนแรง ตั้งแต่ค่าปรับ การถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ไปจนถึงการดำเนินคดีทางกฎหมาย 
  • ลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม : อีกหนึ่งความสำคัญของรหัสกำจัดกากอุตสาหกรรมคือการปกป้องสุขภาพของมนุษย์และระบบนิเวศ การเลือกรหัสกำจัดที่ถูกต้องเป็นการรับประกันว่าของเสียจะถูกทำให้หมดฤทธิ์ความเป็นอันตรายก่อนถูกปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ เช่น การใช้รหัสกำจัดที่เกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสียปนเปื้อนสารเคมี จะช่วยให้น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วมีคุณภาพตามมาตรฐานก่อนระบายออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะ
  • ช่วยให้ตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย (Traceability) : ในระบบการจัดการกากอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยเฉพาะ ระบบการยื่นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รหัสกำจัดกากอุตสาหกรรมคือหนึ่งในข้อมูลสำคัญที่ต้องบันทึก ทำให้สามารถติดตามเส้นทางของเสียได้ตั้งแต่ต้นทาง (โรงงาน) จนถึงปลายทาง (โรงบำบัด/กำจัด) หากเกิดปัญหารั่วไหลหรือการลักลอบทิ้ง ข้อมูลรหัสกำจัดจะช่วยให้สามารถสืบสวนย้อนกลับไปยังแหล่งที่มาและผู้รับผิดชอบได้อย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างรหัสวิธีกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ควรรู้

รหัสกำจัดกากอุตสาหกรรมมีอะไรบ้าง ? คำตอบคือมีนับร้อยรายการ อย่างไรก็ตาม มีบางรหัสที่พบได้บ่อยและควรทำความเข้าใจเป็นพิเศษ เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับการจัดการของเสียในโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ได้แก่

  • 025 – การนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle / Recovery) : ใช้สำหรับวัสดุที่ยังสามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ เช่น เศษโลหะ พลาสติก เศษกระดาษ หรือสารตัวทำละลายบางชนิด วิธีนี้ช่วยลดปริมาณของเสียที่จะต้องนำไปกำจัด และยังสร้างคุณค่าใหม่ให้กับวัสดุเหลือใช้
  • 035 – การใช้เป็นเชื้อเพลิง (Co-processing / Fuel Recovery) : ของเสียที่มีค่าความร้อนสูง เช่น กากตัวทำละลาย น้ำมันใช้แล้ว หรือกากสารเคมีบางชนิด สามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนในเตาอุตสาหกรรม เช่น เตาปูนซีเมนต์ ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
  • 042 – การทำให้เป็นกลาง (Neutralization) : เหมาะสำหรับของเสียที่เป็นกรด–ด่าง เช่น น้ำยาทำความสะอาด น้ำเสียจากกระบวนการผลิตเคมี การทำให้ค่า pH เป็นกลางก่อนปล่อยทิ้งหรือเข้าสู่ระบบบำบัด ช่วยป้องกันความเสียหายต่อระบบบำบัดและสิ่งแวดล้อมปลายน้ำ
  • 049 – การฝังกลบของเสียอันตราย (Secure Landfill) : ใช้กับของเสียที่ไม่สามารถบำบัดหรือเผาทำลายได้อย่างปลอดภัย เช่น ตะกอนโลหะหนัก เถ้าจากการเผาที่มีสารพิษ การฝังกลบต้องทำในบ่อที่ออกแบบพิเศษ มีระบบป้องกันการรั่วซึมและตรวจสอบคุณภาพน้ำใต้ดินอย่างต่อเนื่อง
  • 063 – การเผาทำลายที่ควบคุมมลพิษ (Incineration with Air Pollution Control) : เหมาะกับของเสียที่มีสารพิษสูงหรือย่อยสลายไม่ได้ ต้องเผาที่อุณหภูมิสูงและมีระบบดักจับมลพิษ เช่น เครื่องกรองฝุ่นและเครื่องดักไอกรด เพื่อป้องกันไม่ให้สารอันตรายเล็ดลอดสู่บรรยากาศ
  • 065 – การเผาทำลายของเสียติดเชื้อ / ของเสียอันตรายพิเศษ : เช่น ของเสียจากโรงพยาบาล หน้ากากใช้แล้ว ถุงมือที่ปนเปื้อน หรือวัสดุที่เสี่ยงแพร่เชื้อ หากไม่เผาทำลายอย่างถูกวิธีอาจกระทบต่อสุขภาพของชุมชนและสิ่งแวดล้อมโดยรอบได้
  • 066 – การทำให้ของเสียเสถียรก่อนฝังกลบ (Stabilization / Solidification) : ใช้กับของเสียที่มีโลหะหนักหรือสารพิษเข้มข้น ต้องผ่านการทำให้เสถียร (เช่น การผสมสารยึดเกาะหรือซีเมนต์) ก่อนนำไปฝังกลบ เพื่อป้องกันการละลายออกมาปนเปื้อนในดินและน้ำ
ความสำคัญของรหัสกำจัดกากอุตสาหกรรมช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การนำรหัสวิธีกำจัดกากอุตสาหกรรมไปใช้จริงในโรงงาน

การประยุกต์ใช้รหัสวิธีกำจัดไม่ได้ซับซ้อน แต่ต้องมีขั้นตอนที่ถูกต้องและสอดคล้องกับกฎหมาย ดังนี้

  1. ตรวจสอบประเภทของเสีย : ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการวิเคราะห์และจำแนกประเภทของเสีย (Waste Characterization) โรงงานต้องทราบแน่ชัดว่าของเสียที่เกิดขึ้นคืออะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง และมีคุณสมบัติเป็นของเสียอันตรายหรือไม่ โดยอ้างอิงจากบัญชีท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฯ ซึ่งจะระบุรหัสของเสีย (Waste Code) 6 หลัก และแนะนำรหัสวิธีการกำจัดที่สามารถใช้ได้
  2. กำหนดรหัสกำจัดที่สอดคล้อง : เมื่อทราบประเภทของเสียแล้ว ให้เลือกรหัสกำจัดที่ตรงกับวิธีการที่โรงงานต้องการจะนำไปจัดการ เช่น หากเป็นตัวทำละลายใช้แล้วและต้องการส่งไปเป็นเชื้อเพลิงทดแทน ให้เลือกรหัส 035 หรือหากเป็นกากตะกอนโลหะหนักที่ต้องทำให้คงตัวก่อนฝังกลบ ให้เลือกรหัส 049
  3. บันทึกรหัสในระบบ : นำรหัสกำจัดที่เลือกไปบันทึกในเอกสารกำกับการขนส่งของเสียอันตราย (กอ.2) ทั้งในรูปแบบเอกสารและในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมแนบเอกสารประกอบอื่น ๆ ให้ครบถ้วน
  4. ตรวจสอบผู้รับกำจัด : โรงงานต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทผู้รับบำบัด/กำจัด ที่เลือกใช้บริการมีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4 ประเภท 101, 105, หรือ 106) และได้รับอนุญาตให้จัดการของเสียด้วย “รหัสกำจัด” ที่คุณระบุไว้จริง และมีศักยภาพในการดำเนินการตามนั้นอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ

การใช้รหัสกำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้องคือจุดเริ่มต้นของการจัดการของเสียที่ปลอดภัย แต่การนำไปปฏิบัติจริงจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจกฎหมายและกระบวนการครบวงจร Siam Environmental Technologies พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ให้ธุรกิจของคุณเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ เราคือบริษัทรับกำจัดกากอุตสาหกรรมที่พร้อมดูแลในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจำแนกประเภทของเสีย การเลือกรหัสกำจัดที่ถูกต้อง รวมถึงบริการกำจัดกากอุตสาหกรรมอันตราย ไปจนถึงการดำเนินการที่สอดคล้องกับกฎหมายและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีในการให้บริการแบบครบวงจร

ข้อมูลอ้างอิง

  1. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560. สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 จาก https://www.diw.go.th/webdiw/wp-content/uploads/2021/07/law-fac-env-25072560.pdf?utm_source=chatgpt.com
  2. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับล่าสุด (พ.ศ. 2566). สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 https://www.diw.go.th/webdiw/wp-content/uploads/2023/06/a12062566-02.pdf?utm_source=chatgpt.com