ตัวอย่างค่าหลัก ๆ ได้แก่ pH (6–9), BOD (≤ 20–60 mg/L ขึ้นอยู่กับประเภทโรงงาน), COD (≤ 120 mg/L), TSS (≤ 50 mg/L), น้ำมันและไขมัน (≤ 5 mg/L), โลหะหนัก (เช่น Cr, Pb, Cd ต้องไม่เกินเกณฑ์)
1. รายงานด้านกากของเสีย (Waste Management)
– แบบแสดงการเก็บ ขน และกำจัดกากของเสียอันตราย
– แบบรายงานสรุปการจัดการกากอุตสาหกรรมรายปี
– ระบบออนไลน์ของกรมโรงงาน สำหรับติดตามการเคลื่อนย้ายกากของเสีย
2. รายงานคุณภาพสิ่งแวดล้อม
– รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำทิ้ง (รายเดือน/รายไตรมาส ตามเงื่อนไขใบอนุญาต รง.4 หรือ EIA)
– รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและฝุ่นละออง (สำหรับโรงงานที่มีปล่อง)
– รายงานผลการตรวจวัดเสียงและความร้อน (ถ้ากิจการเข้าข่ายตามกฎหมายความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม)
3. รายงานการปฏิบัติตามมาตรการ EIA/IEE
– ถ้าโรงงานต้องทำ รายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA/IEE) จะต้องทำรายงาน Monitoring Report ส่งหน่วยงานที่กำกับ(เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค) ปีละ 2 ครั้ง หรือ 4 ครั้ง ตามที่กำหนด
4. รายงานตามกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
– รายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (บางประเภทโรงงาน เช่น พลังงาน ปิโตรเคมี ตามเกณฑ์ TGO)
– รายงานความปลอดภัย (Safety Report, มอก. 18001/ISO 45001) ถ้าเข้าข่ายโรงงานที่มีสารเคมีอันตราย
– รายงานการจัดการน้ำบาดาล (หากมีการใช้น้ำบาดาล ต้องรายงานกรมทรัพยากรน้ำบาดาล)
ถูกปรับหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย อาจถูกสั่งปิดโรงงานชั่วคราวหรือถาวร ทำลายสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้าง และเสียความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์องค์กร
ต้องทำเหมือนกัน ไม่ว่าปริมาณมากหรือน้อย หากเข้าข่ายเป็น “กากอุตสาหกรรม” กฎหมายกำหนดให้ผู้ก่อกำเนิดต้อง รายงาน กาก.02 ทุก 6 เดือน และบันทึกการเคลื่อนย้ายด้วย กาก.01
ต้องรับผิดชอบร่วม เพราะผู้ก่อกำเนิดยังเป็นเจ้าของของเสียตามกฎหมาย ดังนั้นต้องเลือกผู้รับที่มีใบอนุญาตถูกต้อง และเก็บสำเนาเอกสารทุกครั้ง
โทษมีทั้ง ปรับสูงถึงหลายแสนบาท และ จำคุก รวมถึงอาจถูก สั่งปิดโรงงาน และกระทบต่อการต่อใบอนุญาตประกอบกิจการ
ดูจาก คุณสมบัติอันตราย เช่น ติดไฟได้, กัดกร่อน, ระเบิดได้, เป็นพิษ, หรือมีโลหะหนักปนเปื้อน หากไม่แน่ใจ → ควรส่งวิเคราะห์ที่ห้องแล็บ
Copyright © Siam Environmental Technologies Co., Ltd.
