เข้าใจกากอุตสาหกรรมคืออะไร และกำจัดอย่างไรให้ถูกต้อง ?

กากอุตสาหกรรมคือของเสียที่ต้องกำจัดให้ถูกวิธีตามข้อกำหนดทางกฎหมาย

ในกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากจะได้สินค้าและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แล้ว ยังก่อให้เกิดของเสียอย่างกากอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ได้อย่างร้ายแรงหากไม่มีการจัดการที่ถูกวิธี แต่เมื่อพูดถึงกากอุตสาหกรรมหลายคนอาจไม่รู้ว่าคืออะไร และทำไมต้องมีวิธีจัดการที่เหมาะสม บทความนี้จะมาแนะนำถึงแนวทางการจัดการกากอุตสาหกรรมเพื่อให้ถูกต้องตามข้อกำหนดของทางภาครัฐ ทั้งยังช่วยสร้างความปลอดภัยได้อย่างยั่งยืน

กากอุตสาหกรรมคืออะไร ? แบ่งออกเป็นกี่ประเภท ?

กากอุตสาหกรรม คือของเสียหรือวัสดุเหลือทิ้งที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตหรือกิจกรรมทางอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นของแข็ง ของเหลว หรือก๊าซ โดยกากอุตสาหกรรมเหล่านี้ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้โดยตรง อีกทั้งยังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์หรือสิ่งแวดล้อมหากไม่มีการจัดการอย่างเหมาะสม ซึ่งในทางกฎหมายของประเทศไทย กากอุตสาหกรรมได้ถูกนิยามและควบคุมตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ กากอุตสาหกรรมอันตราย (Hazardous Industrial Waste) และกากอุตสาหกรรมไม่อันตราย (Non-hazardous Industrial Waste)  

ขยะอุตสาหกรรมแต่ประเภทมีอะไรบ้าง ?

  • กากอุตสาหกรรมอันตราย (Hazardous Industrial Waste) เช่น สารเคมีตกค้าง ตัวทำละลาย กากจากโรงชุบโลหะ หรือสารปนเปื้อนที่มีพิษสูง จำเป็นต้องใช้วิธีการกำจัดเฉพาะ
  • กากอุตสาหกรรมไม่อันตราย (Non-hazardous Industrial Waste) เช่น เศษพลาสติก เศษไม้ กระดาษ หรือเศษโลหะ ที่ยังสามารถรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้

จะเห็นได้ว่า โดยส่วนมากกากอุตสาหกรรมคือสิ่งที่มาจากการผลิตที่มีสารเคมี ตลอดจนวัสดุที่ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ หรือย่อยสลายได้ยาก จนนำไปสู่ของเสียที่เป็นพิษต่อมลภาวะ อาทิ กากสารเคมี กากตะกอนจากระบบบำบัดน้ำเสีย เศษวัสดุก่อสร้าง หรือฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาไหม้ในกระบวนการผลิต ซึ่งแต่ละประเภทมีความเสี่ยงและวิธีการจัดการที่แตกต่างกันออกไป จึงเป็นเหตุผลที่อุตสาหกรรมหลาย ๆ แห่ง ต้องใช้บริการรับกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรมเพื่อผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด

ความสำคัญของการกำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างถูกวิธี

การจัดการกากอุตสาหกรรมคือสิ่งที่ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะนอกจากจะเป็นแนวทางสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายแล้ว ยังมีความสำคัญในอีกหลายมิติ เช่น

  • ป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : การทิ้งกากอุตสาหกรรมโดยไม่ผ่านการบำบัด อาจทำให้สารพิษรั่วไหลลงสู่แหล่งน้ำ ดิน หรืออากาศ จนสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศในระยะยาว
  • ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ : สารเคมีอันตรายหรือโลหะหนักที่ปนเปื้อนในกากอุตสาหกรรมอาจเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจ การสัมผัส หรือการบริโภค ส่งผลให้เกิดโรคเรื้อรังหรืออันตรายต่อชีวิตได้
  • หลีกเลี่ยงความเสียหายต่อธุรกิจ : หากไม่มีการจัดการที่ถูกต้อง บริษัทอาจถูกปรับหรือถูกฟ้องร้อง อีกทั้งยังสร้างผลเสียต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือขององค์กร
  • ตอบสนองต่อนโยบายและมาตรฐานสากล : หลายประเทศ รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ มีกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด การจัดการกากอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐานจึงช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมั่นคง

อัปเดตเกี่ยวกับการจัดการกากอุตสาหกรรมล่าสุด

1. หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle: PPP)

กฎหมายฉบับนี้เน้นหลักการที่ว่า ผู้ที่ก่อให้เกิดกากอุตสาหกรรม (Waste Generator: WG) จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรมของตนเองทั้งหมดจนกว่าจะถึงมือผู้รับบำบัดหรือกำจัด (Waste Processor: WP) ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง

2. หน้าที่ของผู้ก่อกำเนิด (WG) และผู้รับดำเนินการ (WP)

ผู้ก่อกำเนิด (WG) มีหน้าที่รับผิดชอบ ดังนี้

  • ต้องจำแนกประเภทกากอุตสาหกรรมอันตราย (Harzardous Waste) และไม่อันตราย (Non-Harzardous Waste) ออกจากกันอย่างชัดเจน
  • ต้องมีพื้นที่จัดเก็บกากอุตสาหกรรมที่เหมาะสมและเพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด
  • ต้องจัดหาผู้รับบำบัดและกำจัด (WP) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
  • ต้องขออนุญาตนำกากอุตสาหกรรมออกนอกโรงงาน (แบบ กอ.1) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรมทุกครั้ง
  • ต้องรายงานการขนส่งกากอุตสาหกรรม (แบบ กอ.2) ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมทราบทุกครั้งที่มีการขนส่ง
  • ต้องจัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วภายในวันที่ 1 เมษายน ของปีถัดไป ผ่านระบบ i-Single Form ของกระทรวงอุตสาหกรรม

ผู้รับดำเนินการ (WP) มีหน้าที่รับผิดชอบ ดังนี้

  • ต้องกดยินยอมรับบำบัด/กำจัดกากอุตสาหกรรมภายใน 3 วันหลังจากที่ WG ยื่นขออนุญาต
  • ต้องส่งรายงานประจำเดือนเกี่ยวกับการจัดการวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ผ่านระบบ i-Single Form เช่นกัน

3. การบังคับใช้

ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป ยกเว้นในส่วนของหน้าที่ของผู้ก่อกำเนิดและผู้รับดำเนินการในบางข้อที่ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566

4. ข้อยกเว้น

กฎหมายนี้ไม่ได้บังคับใช้กับสิ่งปฏิกูลบางประเภท เช่น อุจจาระหรือปัสสาวะที่เกิดขึ้นภายในบริเวณโรงงาน

ดังนั้น การทำความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้อย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่ง เพื่อให้การจัดการกากอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างถูกวิธีและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถศึกษาจากเอกสารต้นฉบับของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 หรือติดต่อสอบถามได้จากกรมโรงงานอุตสาหกรรมโดยตรง

แนวทางการกำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง

บริการกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรมโดยบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

เพื่อให้มั่นใจว่ากากอุตสาหกรรมจะได้รับการจัดการอย่างปลอดภัย และเป็นไปตามข้อกำหนดจากกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติตามแนวทางที่สำคัญได้ ดังนี้

  1. แยกประเภทตั้งแต่แหล่งกำเนิด : โรงงานควรแยกกากอุตสาหกรรมอันตรายออกจากกากไม่อันตรายตั้งแต่ต้นทาง เพื่อลดความซับซ้อนในการกำจัด
  2. การเก็บรวบรวมและบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม : กากอุตสาหกรรมอันตรายต้องถูกบรรจุในภาชนะที่ทนทานและมีป้ายระบุชัดเจน เพื่อป้องกันการรั่วไหล
  3. การขนส่งที่ถูกกฎหมาย : การขนส่งกากอุตสาหกรรมต้องอาศัยผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาต พร้อมเอกสารแสดงข้อมูลการขนย้ายเพื่อความโปร่งใส
  4. การเลือกวิธีกำจัดตามประเภทของกาก : เพื่อให้ขยะอุตสาหกรรมถูกกำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เสี่ยงต่อการสร้างมลภาวะและป้องกันการรั่วซึมให้ได้มากที่สุด
    • การเผาทำลาย (Incineration) สำหรับกากที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้และมีความเสี่ยงสูง
    • การฝังกลบ (Landfill) โดยใช้บ่อที่ออกแบบตามมาตรฐานป้องกันสารรั่วซึม
    • การรีไซเคิล (Recycling) สำหรับกากที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่
    • การบำบัด (Treatment) เช่น การทำให้สารเคมีเจือจางหรือเปลี่ยนรูปทางเคมีให้อันตรายน้อยลง
  5. การจัดหาผู้รับกำจัดที่ได้รับอนุญาต ผู้ประกอบการควรเลือกใช้บริการกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐานและมีใบอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมาย
  6. การจัดทำรายงานประจำปี โรงงานมีหน้าที่รายงานปริมาณกากอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้น และวิธีการจัดการต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้

การจัดการกากอุตสาหกรรมไม่ใช่เพียงการทำให้โรงงานปลอดภัยจากโทษทางกฎหมาย แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนในสังคม การเลือกผู้ให้บริการที่เชี่ยวชาญและมีมาตรฐานจึงเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาบริการรับกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรม ที่ Siam Environmental Technologies คือคำตอบ ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีในการกำจัดกากอุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียแบบครบวงจร พร้อมให้คำปรึกษาทางเทคนิคที่ถูกต้องตามกฎหมายและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สนใจติดต่อ 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม. สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 จาก https://www.diw.go.th/webdiw/wp-content/uploads/2023/06/a12062566-02.pdf
  2. กฎหมายเกี่ยวกับการจัดการกากอุตสาหกรรม. สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 จาก http://old.industry.go.th/songkhla/app_songkhla/images/content/download/กฎหมายเกี่ยวกับการจัดการกากอุตสาหกรรม (สอจ.สงขลา 3-ก.พ.-59).pdf